การมี หน้าเรียว จากเทคนิคทางการแพทย์ด้วย โบท็อก เพื่อที่เราจะได้ปรับรูปหน้า หรือหน้า v Shape ไม่ว่าจะเป็นจากการ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว ร้อยไหมหน้าเรียวเพื่อปรับรูปของขนาดกรามให้ดูเล็กลง ก็นับว่าเป็นการสร้างใบหน้าหรือรูปหน้าให้คุณหนุ่มๆ สาวๆ หลายๆ ได้มีใบหน้าตามอย่างที่ใจต้องการได้โดยไม่ยากเย็นในยุคสมัยนี้ค่ะ
ดังนั้นการมีใบหน้าที่คนอื่นมองว่า หน้าเรียว ไม่ว่าจะเกิดจากการ ปรับรูปหน้า ด้วยเทคนิคไหนก็ตาม จะจากการ ฉีดโบท็อกหน้าเรียว ร้อยไหมหน้าเรียว ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่หรือเป็นเรื่องที่จะต้องปิดบังกันอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าการร้อยไหม หรือการฉีดโบท็อก เพื่อสร้างใบหน้าให้มี v Shape นั้น ถือว่าเป็นการปรับบุคลิกภาพสร้างความมั่นใจให้กับทุกเพศทุกวัยในยุคสมัยนี้ไปแล้วค่ะ
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆในร่างกายจะลดลงซึ่งมักจะแสดงออกมาให้เห็นหลากหลายรูปแบบ เช่นเส้นผมที่เริ่มหงอก ผิวหนังที่เริ่มเหี่ยวย่นมีริ้วรอยที่ไม่พึงประสงค์ และความหย่อนคล้อย เป็นต้น แน่นอนว่าความชรานั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาของใครหลายๆคน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องริ้วรอยแห้งวัยและความหย่อนคล้อย จึงมีการพยายามที่แก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยโดยการหันไปพึ่ง “เวชศาสตร์ชะลอวัย” ในการช่วยชะลอความชรานั่นเอง
หน้าเรียว คือ ใบหน้าที่สมส่วน ไม่มีส่วนเกิน ไม่หย่อนคล้อย และมีความกระชับสมวัย ทั้งนี้จะต้องยึดตามวัยด้วยนะคะ เนื่องจากแต่ละช่วงวัยมีความเหมาะสมของการปรับรูปหน้าที่แตกต่างกันนั่นเองค่ะ
อยากมี หน้าเรียว ทำยังไงดีถึงจะเรียวได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ที่นี่มีคำตอบค่ะ ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ปัญหาของใบหน้าที่ก่อให้เกิดใบหน้าหย่อนคล้อยและความไม่กระชับ จนก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับใบหน้ามากวนใจทั้งคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายนั้นส่วนมากแล้วจะเกิดหลังจากที่อายุเรามากขึ้น เพราะว่า ผิวหน้าเราเริ่มจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ความหลวมของใบหน้า ความแน่นของใบหน้าก็จะมีน้อย ตัวช่วยผยุงผิวไม่มี ความหย่อนคล้อยก็เลยตามมาค่ะ
อีกอย่างเมื่อเราอายุมากขึ้น การเผาผลาญของเราจะน้อยลง เกิดการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวที่มีมากกว่าการเผาผลาญ เมื่อสะสมไว้มากๆ มันก็จะเริ่มหนักสิคะ ประกอบกับผิวหนังไม่มีตัวช่วยพยุงอีก ก็เลยทำให้เกิดการหย่อนคล้อย และหน้าเราไม่ได้สัดส่วนนั่นเอง
แต่บางปัญหาไม่ได้เกิดมาจากอายุที่มากขึ้นอย่างเดียวนะคะ อาจจะเกิดจากพันธุกรรมร่วมด้วยก็ได้ เช่น หมอเองเป็นคนอีสาน โครงหน้าก็จะมีกรามมากกว่าปกติ หมอเลยต้องการมีหน้าเรียว (แปลกใจเหมือนกัน ทำไมต้องอยากมีหน้าเรียว) หมอก็ต้องพึ่งไสยศาสตร์ อ่ะ ล้อเล่น…หมอเองก็ต้องพึ่งวิทยาการทางการแพทย์เช่นเดียวกันค่ะ
ถ้าต้องการเข้าใจปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับการสร้าง หน้าเรียวให้เข้าใจมากขึ้น ลองอ่าน ไขความลับ ปรับรูปหน้า vShape เพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้นได้นะคะ
- ปัญหาจากมวลของกล้ามเนื้อที่มีในบริเวณกรามมากเกินไป ส่งผลให้กรามใหญ่
- ปัญหาที่เกิดจากการสะสมของไขมันบริเวณแก้ม เหนียง มากเกินไป ทำให้หน้าอูม เหนียงใหญ่นั่นเองค่ะ
- ปัญหาริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า เช่น ตีนกา รอยย่นบนหน้าผาก ริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากอายุที่มีมากขึ้น
แต่ปัญหาเหล่านี้ ไม่ต้องเป็นกังวลไปเลยนะคะ เนื่องจากเราสามารถแก้ไขได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ปัญหาหลักๆ แบ่งออกได้ดังนี้ค่ะ
วิธีการสร้างหน้าเรียวด้วยวิธีการฉีดโบทอกนี้ คือ การใช้สารสกัด Botulinum Toxin ตัวย่อคือ BOTOX
ฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเรา ซึ่งจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวจนเหมือนหยุดทำงานไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นลีบเล็กลง ส่งผลทำให้จุดที่ฉีดโบทอกนั้นเรียวเล็กลง เช่น การฉีดโบทอกกราม ก็จะส่งผลให้ขนาดกรามเล็กลง ใบหน้าก็จะเรียวขึ้น หรือ เราอาจจะใช้โบทอกมาใช้ในการฉีดยกใบหน้าได้ทั่วทั้งใบหน้าด้วยนะคะ ทั้งนี้วิธีการใช้โบทอกเป็นที่นิยมกันอย่างมากค่ะ เพราะว่า เป็นวิธีการที่ค่อนข้างจะปลอดภัย และเห็นผลชัดเจน ตัวยาราคาไม่แพง และไม่จำเป็นจะต้องพักฟื้น หรือไม่จำเป็นจะต้องพักใบหน้าหลังจากการฉีดนานเหมือนกับวิธีการอื่นๆ ค่ะ
โดยทั่วไปแล้วหากต้องการ ปรับรูปหน้า โดยการเลือกใช้ การร้อยไหม หรือการ ฉีดโบท็อก ในการแก้ไขปัญหาให้ใบหน้านั้น จะทำให้ใบหน้าของเราเกิดความเรียวได้อย่างที่หวังไว้ได้อย่างแน่นอนค่ะ รวมถึงระยะเวลาของการเห็นผลในการรักษานั้น แทบจะไม่ต้องรอนานเลยนะคะ
ส่วนการใช้โบท็อกในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของใบหน้า หรือริ้วรอยแล้วล่ะก็ ถ้าหากอยากจะทำความเข้าใจว่า หลังฉีดโบท็อก จะได้ผลลัพธ์ยังไง แล้วส่วนใหญ่ ฉีดบริเวณไหนกัน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้เลยนะคะ คลิก :: 3 จุด ฉีดโบท็อก ฉีดตรงไหน แล้วได้อะไร? ส่วนคำถามที่ว่าฉีดโบท็อก มีผลข้างเคียงหรือเปล่าหลายๆ คนก็คงอยากจะรู้ใช่ไหมคะ วันนี้เรามีคำตอบสำหรับคำถามนี้
ฉีดโบท็อก ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวพวกเราเข้าไปทุกๆ วันนะคะ เพราะว่าแทบจะทุกคลินิกเสริมความงามโบทอกเป็นตัวยาพื้นฐานหรือการปรับหน้าเรียวที่จะต้องมี ยิ่งมีการใช้มากแค่ไหน ยิ่งจะต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้โบทอกมากยิ่งขึ้นเท่านั้น วันนี้หมอมีข้อควรระวัง ผลข้างเคียงต่างๆ ของการฉีดโบทอกมาทำความเข้าใจกับคุณผู้อ่านบทความดีๆ จาก The Clinic และ TC Clinic กันค่ะ
เนื่องจากโบท็อกเป็นยาฉีดใช้เฉพาะที่ ผลข้างเคียงส่วนใหญ่ก็จะเกิดเฉพาะที่บริเวณฉีดเช่นกันค่ะ ทั้งนี้ผลข้างเคียงที่พบได้ส่วนใหญ่จากการฉีดโบทอกก็คือ เกิดอาการแดง อาการช้ำ และปวดเบาๆ บริเวณที่ฉีดได้ค่ะ แต่ถ้านอกเหนือจากอาการดังกล่าว เช่น อาการเวียนหัว, กลืนอาหารลำบาก, เห็นภาพซ้อน และอาการเกิดขึ้นนานและเริ่มมีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น คนไข้จะต้องรีบแจ้งแพทย์ที่ทำหัตถการให้ทราบทันทีนะคะ เนื่องจากอาจจะต้องได้รับการแก้ไขอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ให้ได้ทันท่วงที
ก่อนที่จะรับการฉีดโบท็อก ถ้าหากคนไข้มีโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะ คนไข้ที่แพ้โปรตีนนมวัว จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนะคะ เนื่องจากการฉีดโบทอกอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ตามมาได้นั่นเอง ส่วนโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ รวมถึงโรคติดเชื้อบางประเภท จะต้องแจ้งให้แพทย์ที่ทำหัตถการให้ทราบด้วยนะคะ อย่าปิดบังอาการหรือโรคที่คุณเป็นอยู่โดยเด็ดขาด เพราะว่า ผลเสียจะเกิดกับตัวคนไข้เองค่ะ เพราะถ้าแจ้งคุณหมอที่ทำหัตถการให้ คุณหมอจะได้มีแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อโรคของแต่ละคน ให้เกิดความสวย ความหล่อได้อย่างปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงนั่นเอง
ปฏิกริยาของโบท็อกต่อตัวยาอื่นๆ ที่เรามีการกินเพื่อรักษาโรคประจำตัวก็ต้องพึงระวังเช่นเดียวกันค่ะ เช่น ถ้าหากคนไข้ได้รับยาปฏิชีวนะบางชนิด รวมถึงยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ยารักษาโรคอัลไซเมอร์ ก็จะต้องแจ้งแพทย์ที่ทำหัตถการด้วยเสมอนะคะ
- หลังจากการฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณ คนไข้จะต้องไม่นวด หรือคลึงบริเวณนั้นประมาณ 4 ชั่วโมงนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้โบท็อกไหลไปในบริเวณที่เราไม่ได้ต้องการ จนก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดีตามมาได้ เช่น ถ้าหากฉีดโบท็อกบริเวณรอยตีนกาอาจจะไหลไปที่เปลือกตา ทำให้เกิดอาการเปลือกตาตกได้ เป็นต้น
- เพื่อป้องกันการนวด คลึง โดยไม่ได้ตั้งใจ หมอจะแนะนำคนไข้ที่ฉีดโบท็อก ห้ามนอนราบ 4 ชั่วโมงค่ะ เนื่องจากคนไข้อาจจะเผลอหลับ บางคนก็ไม่ได้นอนนิ่งๆ นะคะ นอนดิ้นระดับ 10 เลยก็ว่าได้ แถมตอนนอนมือไม้ก็ไม่อยู่สุข อาจจะจับ เกา บริเวณที่ฉีดไปโดยไม่รู้ตัวค่ะ ทั้งนี้เพื่อป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น จึงจะแนะนำคนไข้ว่าห้ามนอนราบ 4 ชั่วโมงหลังจากการฉีดไปนั่นเองค่ะ
- งดซาวน่า งดล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจัดๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก
- งดแอลกอฮอล์ หลังจากการฉีดโบทอกไป 3 วัน เนื่องจากแอลกอฮอล์จะทำให้ความดันของคนไข้เปลี่ยนค่ะ แล้วความดันนี่เอง อาจจะทำให้การกระจายตัวของโบท็อกมีมากเกินไป จนอาจจะกระจายไปในส่วนที่ไม่ได้ต้องการ รวมถึงแอลกอฮอล์อาจจะทำให้บริเวณที่ฉีดไปเกิดอาการบวมหรือช้ำได้มากกว่าปกติ
การฉีดโบท็อกในแต่ละบริเวณนั้นจะต้องมีระยะเวลารอคอยเพื่อให้โบทอกแสดงผลของตัวยาด้วยนะ ทั้งนี้แต่ละบริเวณก็จะระยะเวลารอคอยที่แตกต่างกัน
- ฉีดโบท็อกริ้วรอยต่างๆ เช่น ตีนกา, หน้าผาก โดยส่วนใหญ่แล้วระยะเวลารอคอยให้โบท็อกแสดงผลเต็มที่จะประมาณ 7-14 วันค่ะ ก็จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ของการรักษาเต็มที่
- ฉีดโบท็อก เพื่อปรับหน้าเรียว ระยะเวลารอคอยการแสดงผลเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะต้องรอหลังจากการฉีดโบท็อกไปประมาณ 4 สัปดาห์ค่ะ แต่ทั้งนี้อาจจะเริ่มเห็นผลหลังจากการฉีดไปประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไปก็ได้ค่ะ
- ฉีดโบท็อกเพือลดขนาดของรูขุมขน ทั้งนี้จะต้องรอคอยผลลัพธ์ของการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ จะเริ่มเห็นผลลัพธ์รูขุมขนจะเริ่มมีขนาดเล็กลง และผลลัพธ์จะชัดเจนที่สุดคือหลังจากการฉีดไปประมาณ 4 สัปดาห์นะคะ
- ฉีดโบท็อกเพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆ เช่น น่อง, ต้นแขน จะต้องมีระยะเวลารอคอยนานกว่าส่วนอื่นๆ เพราะว่าด้วยขนาดของมัดกล้ามเนื้อเองที่มีขนาดใหญ่ดังนั้นในส่วนบริเวณที่ว่านี้จะต้องรอผลลัพธ์ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป รวมถึงอาจจะต้องได้มีการฉีดซ้ำเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกหลายๆ คนคงอยากให้แสดงผลลัพธ์ได้นานๆ เพราะว่าอยากให้ความสวย ความหล่อของเราจากการฉีดโบท็อกอยู่กับเราไปนานๆ นั่นเอง แต่ระยะเวลาแสดงผลของตัวยานั้นก็มีระยะเวลาจำกัดค่ะ ทั้งนี้ระยะเวลาส่วนใหญ่ที่แสดงผลนั้นจะอยู่นานแค่ 4-6 เดือนเท่านั้นค่ะ แต่ถ้าเป็นการฉีดลดเหงื่อหรือกระชับรูขุมขนนั้นส่วนใหญ่แล้วอายุของการแสดงผลยิ่งจะสั้นค่ะ โดยทั่วๆ ไปจะแสดงผลลัพธ์ของการรักษาเพียง 2-4 เดือนเท่านั้น
ถ้าเลยจากระยะเวลาดังกล่าวแล้วนะคะ หมอแนะนำว่าถ้าคนไข้ต้องการรักษาสภาพผลลัพธ์ของการรักษาให้ต่อเนื่อง ควรจะต้องได้รับการฉีดเพื่อคงสภาพผลลัพธ์ก่อนระยะเวลาดังกล่าวค่ะ เช่น การฉีดโบท็อกลดกราม ผลจะอยู่นาน 4-6 เดือน ก็ควรจะฉีดเมื่อประมาณเดือนที่ 4-5 หลังจากการฉีดไปในครั้งแรก เป็นต้นค่ะ
ทั้งนี้การฉีดโบท็อกคือการใช้ตัวยาทางการแพทย์ ดังนั้นจะต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีความรู้ ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการปรับรูปหน้าอย่างแท้จริง ซึ่งที่ The Clinic และ TC Clinic เรามีความเชี่ยวชาญด้านโบท็อก หน้าเรียว โดยมีทีมแพทย์คอยให้คำปรึกษาในทุกๆ ข้อสงสัย และไม่มีค่าใช้จ่ายในการปรึกษาคุณหมอด้วยนะคะ
หากคุณกำลังคิดจะเลือกใช้บริการเกี่ยวกับ โบท็อก หรือว่ากำลังสนใจโบท็อกแล้วล่ะก็ มีอะไรบ้างที่คุณจำเป็นจะต้องรู้เกี่ยวกับตัวยาชนิดนี้? แน่นอนว่าการฉีดโบท็อกนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนะคะ เนื่องจากช่วยขจัดริ้วรอยต่างๆ โดยโบท็อกจะเข้าไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เราฉีดเข้าไปนั้นหยุดทำงานชั่วคราว หรือจะเรียกว่าเป็นอัมพาตชั่วคราวก็ว่าได้ (อาจจะอ่านแล้วรู้สึกน่ากลัวว่าอัมพาตเชียวเหรอ จริงค่ะ คือทำให้กล้ามเนื้อเราขยับไม่ได้ไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง)
การแสดงผลของโบท็อกอาจจะฟังดูน่ากลัว แต่ความนิยมในตัวยาชนิดนี้กลับสวนทางกับความน่ากลัวของฤทธิ์ที่แสดงเลยนะคะ เพราะว่าจากการสำรวจในวงการการแพทย์ด้านความงามทั่วโลกเมื่อประมาณปี 2018 นั้น โบท็อกขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของตัวยาด้านความงามที่คนนิยมมากที่สุดในโลกเลยค่ะดังนั้นในการที่เราจะเลือกใช้โบท็อกในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เรานั้นก็คือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ผิดแปลกจากกระแสนิยมใดๆ เลย เพียงแต่ว่าวันนี้หมอจะมาบอกบรรดาหนุ่มๆ สาวๆ ว่า สิ่งที่เราควรจะรู้เกี่ยวกับโบท็อกก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกฉีดมีอะไรบ้างค่ะ
ก่อนที่คุณจะเลือกฉีดโบท็อกคุณจะต้องตรวจสอบว่าตัวยานั้นเป็นตัวยาแท้ มีเลข Lot และเลขการอนุญาตจากองค์การอาหารและยาของไทยแสดงไว้อย่างชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ด้วยนะคะ สถานพยาบาลที่นำมาฉีดให้กับคุณจะต้องมีความโปร่งใส และจะต้องมีความจริงใจในการแสดงแหล่งที่มาของตัวยาและช่วยให้คนไข้ตรวจสอบได้ด้วยตัวเองเท่านั้น รวมถึงการดึงยา ก็ควรจะดึงยาต่อหน้าของคนไข้เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้สลับตัวยา หรือใช้ตัวยาอื่นๆ ที่ไม่ได้คุณภาพมาฉีดเข้าหน้าคนไข้ เพราะถ้าแสดงตัวยาให้เรามั่นใจแล้ว แต่ปรากฏว่าตอนดึงยาไปแอบดึงยาแล้วไม่ได้แสดงให้เราเห็นอันนี้ก็ไม่น่ามั่นใจเท่าไหร่เลยนะคะ
ถ้าราคาของโบท็อกมีราคาถูกมากเกินไปจะต้องเริ่มระวังแล้วนะคะว่าของที่มาฉีดให้เรานั้นทำไมถึงจะราคาถูกจังเลย หมอต้องบอกแบบนี้นะคะ ต้นทุนของโบท็อกนั้นในแต่ละคลินิกต้นทุนแทบจะเท่ากันทั้งหมด เพราะว่า โบท็อกที่มีจำหน่ายในสถานพยาบาลต่างๆ นั้น เราจะรับมาจากบริษัทฯ ตัวแทนจำหน่ายของแต่ละยี่ห้อในประเทศไทย และขายเข้าในราคาต้นทุนที่แทบจะไม่แตกต่างกัน ถ้าแตกต่างกันก็เพียงหลักร้อยค่ะ
ดังนั้นถ้าคลินิกเสริมความงามไหนที่มีการจำหน่ายโบท็อกในราคาต่ำมากๆ ให้เริ่มสงสัยได้เลยค่ะ เพราะว่า ไม่มีคลินิกเสริมความงามไหนต้องการตั้งมาเพื่อขายขาดทุนอย่างแน่นอน ไม่ของปลอมก็ต้องเจือจางมากๆ เพื่อให้สามารถขายได้ราคาต่ำๆ อย่างแน่นอน โบท็อกในแต่ละยี่ห้อราคาก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้โบท็อกของ USA อย่างเช่น Allergan ซึ่งเป็นต้นตำหรับของ BOTOX ก็จะมีราคาที่สูงที่สุดในท้องตลาด รองลงมาก็จะเป็นโบท็อกสัญชาติเกาหลีต่างๆ หลักพันบาท เป็นต้น
ซึ่งการเลือกว่าจะใช้โบท็อกยี่ห้อไหน ก็ขึ้นกับว่าความสบายใจของคนไข้ว่ายินดีจะจ่ายในระดับราคาเท่าไหร่ เอาที่เราจ่ายไหว และไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋าเราก็พอค่ะ เนื่องจากการแสดงผลของโบท็อกก็จะไม่ได้แตกต่างกันมากมายแต่อย่างใด
แพทย์ความงามหลายๆ ท่าน แนะนำว่าคนไข้ที่กินยาประเภทต้านการแข็งตัวของเลือดบางชนิด เช่น แอสไพริน รวมถึงกลุ่มยาแก้ปวด NSAID เช่น ไอบูโพรเฟน เวลาจะทำหัตถการบางประเภท รวมถึงการฉีดโบท็อกถ้าเป็นไปได้ควรให้คนไข้งดยาประเภทดังกล่าวด้วย แต่ถ้าหากคนไข้ไม่ได้กังวลเรื่องของอาการบวม หรือช้ำจากรอยเข็มของการฉีดโบท็อกแล้วล่ะก็ก็สามารถฉีดได้เลยค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เราจะต้องเข้าใจว่าทำไมคุณหมอจะต้องสอบถามอะไรกันเยอะแยะ รวมถึงให้พวกเราขยับใบหน้า แสดงสีหน้าท่าทางต่างๆ ให้มันดูตลกๆ ด้วย ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ว่าหมอเองจะแกล้งคนไข้นะคะ แต่ว่าเป็นสิ่งที่หมอทุกๆ คนเองจะต้องทำ เนื่องจากว่าเวลาที่เข้ามารับการปรึกษาและต้องการใช้โบท็อกในการแก้ไขปัญหาในส่วนต่างๆ บนใบหน้าแล้วล่ะก็ ตัวคุณหมอทุกท่านก็จะต้องรู้ว่าส่วนไหนบ้างมีปัญหา รวมถึงจะใช้ปริมาณโบท็อกจำนวนเท่าไหร่ และจะต้องจิ้มลงไปในจุดไหนบ้างนั่นเอง
หมอต้องบอกว่าการฉีดตัวยาใดๆ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณไหนของร่างกายแล้วล่ะก็ มันเป็นเรื่องปกติมากๆ นะคะที่การฉีดโดยเข็มที่แทงลงไปนั้นอาจจะไปโดนเส้นเลือด ทำให้เกิดมีเลือดออกใต้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดโบท็อกจนทำให้เกิดเป็นจุดของเลือดที่ออกมาใต้ผิวหนัง แต่รอยพวกนี้จะหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ ถ้าหากคนไข้กังวลว่าจะเกิดรอยใดๆ บนใบหน้าไม่ได้เด็ดขาดเพราะว่าต้องใช้หน้าด่วนมากๆ อันนี้แนะนำว่าอาจจะต้องใช้แนวทางอื่นในการลดริ้วรอยไปก่อนนะคะ เพราะว่า เราไม่สามารถบอกได้ว่าจะช้ำมากน้อยแค่ไหนนั่นเอง
การฉีดโบท็อกนั้นเราจะจำเพาะเจาะจงในบริเวณที่เราต้องการแก้ไขปัญหาเท่านั้นนะคะ และหมอก็จะเลือกใช้การฉีดเข้าไปในแต่ละส่วนให้ตรงจุดเท่านั้น เพราะอาการไม่พึงประสงค์จากการที่โบท็อกเข้าไปในส่วนที่เราไม่ต้องการสามารถเกิดขึ้นได้จนทำให้เกิดสิ่งที่เราไม่ต้องการอย่างเช่น มุมปากตก หนังตาตก ยิ้มไม่ได้ เป็นต้น วิธีการป้องกันเหตุการณ์เหล่านั้นจะเกิดขึ้นหมอจะแนะนำให้คนไข้ที่ฉีดโบท็อกไปจะต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หนักๆ รวมถึงห้ามนวดคลึงบริเวณที่ฉีดโบท็อกไปอย่างต่ำคือ 4 ชั่วโมงค่ะ รวมถึงหลีกเลี่ยงการนอนราบ 4 ชั่วโมงหลังจากการฉีดโบท็อกไปด้วยนะคะ
กล่าวคือ เวลาที่เราจะเลือกฉีดโบท็อกนั้นไม่จำเป็นจะต้องรอให้บริเวณนั้นเกิดริ้วรอยล่องลึกที่มันเห็นได้ชัดมากๆ ก่อนนั่นเองค่ะ เนื่องจากว่าถ้าหากริ้วรอยเหล่านั้นมันเริ่มมีความลึก และมองเห็นได้ชัดเจนแม้กระทั่งตอนที่เรายังไม่ได้แสดงทีหน้าท่าทางใบหน้าของเราเองเลย นั่นจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่โบท็อกเองก็อาจจะเอาไม่อยู่แล้วก็ได้ เพราะอะไร นั่นเพราะว่าริ้วรอยเหล่านั้นจะต้องเกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้าเท่านั้นนะคะ โบท็อกถึงจะช่วยในเรื่องเหล่านั้นได้ ถ้าหากเป็นร่องลึกและมองเห็นได้ชัดเจนแม้ขณะที่เราไม่ได้แสดงสีหน้าท่าทางบนใบหน้าแล้วล่ะก็ ต้องใช้สารเติมเต็มหรือที่เรียกทั่วๆ ไปว่า ฟิลเลอร์ มาใช้ในการแก้ไขปัญหากันแทนโบท็อกนะคะ
ยิ่งเราเริ่มต้นใช้โบท็อกในการป้องกันปัญหาริ้วรอยต่างๆ ได้ไวมากขึ้นแค่ไหน ยิ่งเป็นผลดีกับตัวพวกเราเองด้วยค่ะ เพราะว่านอกจากจะช่วยไม่ให้เกิดริ้วรอยต่างๆ ขึ้นมาแล้ว ยังทำให้การแสดงสีหน้าบนใบหน้าของเรามันดูเป็นธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้นด้วย ถ้ามาฉีดตอนอายุมากๆ แล้วใช้โบท็อกในปริมาณที่เยอะๆ ผลลัพธ์ที่ได้ในช่วงแรกๆ กล้ามเนื้อต่างๆ จะต้องปรับตัวเพื่อให้เคยชินกับตัวยาจนทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมชาติบนใบหน้าของเราได้นั่นเองค่ะ
การฉีด Meso Fat (เมโสแฟต) คือ การฉีดสลายไขมันส่วนเกิน โดยการฉีดยาบางกลุ่มเข้าไปในชั้นผิวหนัง เพื่อสลายไขมันบริเวณนั้น ๆ
การฉีดเมโสแฟต เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะช่วยทำให้ไขมันบนใบหน้าสลายหายไปได้ ส่งผลให้ใบหน้าดูเล็กลง และช่วยทำให้แก้มที่มีลักษณะบวมจากการสะสมของไขมันยุบลงไปได้นะคะ แต่การฉีดเมโสแฟต คนไข้จะต้องทำการฉีดหลายครั้งหน่อยนะคะ เพราะว่า กว่าเราจะสะสมไขมันจนเป็นก้อนขึ้นมาบนใบหน้า หรือบนแก้มได้นั้น เราใช้เวลาในการสะสมมาเนิ่นนาน บางคนอาจจะทำการสะสมมาเป็น 5 ปี 10 ปี แต่พอมาปรับรูปหน้า เพื่อให้หน้าเรียว กลับใจร้อน อยากมีหน้าเรียวด้วยการฉีดสลายไขมันภายในวันสองวัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ทั้งนี้ใบหน้าที่เกิดการสะสมของไขมันใต้ผิวหนัง สามารถใช้การ ร้อยไหม เพื่อปรับรูปของใบหน้า ให้เกิด v Shape ขึ้นมาได้นะคะ รวมถึงใช้นวัตกรรมทางการแพทย์เช่น HIFU, RF ฯลฯ ในการร่วมแก้ไขปัญหาได้ค่ะ ทั้งนี้การรักษาหรือเทคนิกต่างๆ นั้นทางคุณหมอประจำ The Clinic และ TC Clinic จะอธิบายในทุกๆ ขั้นตอนให้รับทราบจนเข้าใจ แล้วให้คนไข้ทำการร่วมตัดสินใจในการรักษาทุกๆ ครั้งเลยค่ะ
ถ้าหากหมอจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ มันก็ประมาณว่า การเอาเส้นไหมสอดเข้าไปใต้ผิวหนังของใบหน้า แล้วเราก็เอาเส้นไหมเนี่ยล่ะค่ะ ทำการดึงบริเวณแก้มส่วนล่าง ยึดกับบริเวณขมับดึงเข้าหากัน วิธีการร้อยไหมจึงสามารถดึงแก้มที่หย่อนขึ้นได้ในทันที ทั้งนี้วิธีการร้อยไหม ที่ The Clinic และ TC Clinic เราจะใช้ไหมเป็นชนิดไหมละลาย ดังนั้น เมื่อเวลาผ่านไป 6-18 เดือนเส้นไหมที่ทำการร้อยเข้าไปใต้ผิวหนัง ก็จะละลายไปโดยไม่เป็นอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากใบหน้าของเราจะยก และเรียวขึ้นทันที การร้อยไหมยังทำให้ผิวหน้าของเรามีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วยนะคะ เพราะว่า เส้นไหมที่ละลายไป จะกลายเป็นคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหน้ากระชับและรูขุมขนเล็กลงได้อีกด้วย
ปัญหาความหย่อนคล้อยเกิดจากหลายปัจจัย ซึ่งจะมีทั้งปัจจัยภายนอกเช่น แสงแดด แรงโน้มถ่วง การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว เป็นต้น และปัจจัยภายในได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น ระบบต่างๆภายในร่างการทำงานลดลงและการเสื่อมสภาพการยุบตัวของกระดูก เป็นต้น เมื่อกระดูกมีการยุบตัวและขนาดเล็กลง จะส่งผลให้เส้นเอ็นที่ยึดโยงผิวของเราไว้ย่อนลงเกิดเป็นปัญหาความหย่อนคล้อย รวมไปถึงเมื่อผิวผลิต Collagenได้น้อย ก็ส่งผลให้ความกระชับและความยืดหยุ่นของผิวลดลงเกิดเป็นปัญหาความหย่อนคล้อยตามมาได้อีกเช่นเดียวกัน โดยปัญหานี้สามารถแก้ไขได้หลายวิธี แต่วิธีที่เห็นผลชัดเจนและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นคือ “การร้อยไหม”
โดยปกติแล้วในการร้อยไหมเพื่อปรับรูปของใบหน้านั้น จะเห็นผลทันทีหลังจากการทำถึง 30% ของผลลัพธ์ที่แสดงออกมาทั้งหมด และหลังจากนั้นคนไข้เพียงแค่ใช้ชีวิตปกติ ไม่ต้องทำการดูแลตัวเองเป็นพิเศษมากมายแต่อย่างใดต่อไปอีก 3 สัปดาห์ ใบหน้าก็จะค่อยๆ ยกขึ้น และมีความกระชับมากยิ่งขึ้น โดยจะแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุดหลังจากการร้อยไหมไปแล้วประมาณ 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์แล้วค่ะ
การร้อยไหม เป็นหนึ่งในเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ถูกนำมาใช้ช่วยยกกระชับใบหน้า และแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยต่างๆ โดยไหมที่นำมาใช้นั้นเป็นไหมที่ผลิตจากโพลีไดอ๊อกซาโนน(Polydioxanone หรือ PDO) ซึ่งเป็นไหมที่ทางการแพทย์นำมาใช้เย็บเส้นเลือดหัวใจโอกาสแพ้จึงน้อยมาก ชนิดของเส้นไหมที่นิยมใช้ มี 3 แบบ โดยแต่ละแบบจะนำมาแก้ไขปัญหาที่ต่างกันดังนี้
- เส้นไหมเรียบ (Mono threads) เป็นเส้นเรียบ ไม่มีเงี่ยงหรือปุ่มหรือเกลียว นิยมร้อยไหมชนิดนี้บริเวณคอ หน้าฝาก และใต้ตา เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้าง Collagen ทำให้ผิวกระชับเต่งตึง แต่ไม่ได้ช่วยในการแก้ไขปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยโดยตรง
- เส้นไหมเกลียว (Screw threads)เป็นเส้นไหมเส้นเดียวหรือสองเส้นเกลียวเข้าด้วยกัน เส้นไหมชนิดนี้มีประโยชน์ช่วยเพิ่มปริมาตรบริเวณผิวหนังที่ยุบตัวหรือเป็นแอ่ง จึงนิยมร้อยเติมเต็มบริเวณใต้ตา ร่องแก้ม หรือแก้มตอบ เป็นต้น
- เส้นไหมที่มีเงี่ยง (Cog threads)เป็นเส้นไหมเส้นเดียวโดยจะมีเงี่ยงตลอดแนวไหม ซึ่งลักษณะของเงี่ยงไหมก็จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับบริษัทที่ผลิต โดยเงี่ยงของไหมจะทำหน้าที่ยึดเกาะใต้ชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่คล้ายโครงสร้างที่จะช่วยยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นในรอบเส้นไหมและบริเวณเงี่ยง ทำให้หน้าดูยกกระชับขึ้น จึงนิยมใช้ไหมชนิดนี้ในการ ร้อยยกกระชับใบหน้า และปรับรูปหน้าให้เรียว
ไหมแต่ละชนิดจะแก้ไขปัญหาได้ต่างกัน ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ไหมให้ตรงกับปัญหาเพื่อที่จะได้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังการรักษา โดยการร้อยไหม รวมถึงการใช้เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) สามารถทำหัตถการร่วมกันได้นะคะ เพราะว่ามีส่วนช่วยเสริมทำให้การปรับรูปหน้าเพื่อสร้างหน้าให้มีความเรียวสวยได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ
การใช้เทคโนโลยี คลื่นเสียง หรือที่เรียกว่า HIFU วิธีการนี้ คือ วิธีที่เหมาะกับคนไข้ที่กลัวการใช้เข็ม โดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงยิงให้ทั่วใบหน้า กรอบหน้าของคนไข้ในปัจจุบันนี้ HIFU ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะว่า หน้ายกได้แบบไร้รอยเข็ม ไม่ต้องเจ็บจากการฉีด การเจาะใบหน้าแต่อย่างใด แต่หมอต้องบอกก่อนนะคะว่า แรงยกของ HIFU จะไม่เท่ากับแรงยกของการยกหน้าด้วยการร้อยไหม เพราะว่า แรงยกของการร้อยไหมเนี่ยจะเป็นรองแค่การผ่าตัดดึงหน้าเท่านั้นค่ะ
ปัญหาของใบหน้า หรือรูปหน้าที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ได้เกิดจาก 2 ปัญหาด้านบนดังที่กล่าวมาแล้วนั้น อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุ หรือเกิดจากความผิดปกติทางร่างกาย หรือโรคบางชนิดก็ได้ค่ะ โดยปัญหาเหล่านี้ อาจจะทำให้เกิดการไม่เท่ากันของใบหน้า (โครงกะโหลก) หรือการตกของใบหน้าซ้าย-ขวา ไม่เท่ากันก็เป็นไปได้ เป็นต้นค่ะ
ซึ่งสาเหตุ หรือต้นเหตุต่างๆ ของความผิดปกติทางร่างกาย จนส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่างๆ กับใบหน้าขึ้นมาได้นั้น คนไข้ควรจะต้องเข้ารับการรักษากับคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านความผิดปกติของแต่ละโรคโดยตรงก่อน แล้วค่อยพิจารณาการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านความงามต่อไปค่ะ
ด้วยประสบการณ์ทางด้านความงามมากกว่า 7 ปีของ The Clinic | TC Clinic และเคสนับ 100,000 เคสที่เข้ามารับบริการ ทำให้มั่นใจได้เลยค่ะว่า คุณจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์ ทั้งความสะอาด การบริการที่ได้มาตรฐาน ความรับผิดชอบต่อการรักษา ที่สำคัญความเป็นธรรมทางด้านราคาที่คุณจะได้รับจากเราแน่นอน
นอกจากจะต้องดูในเรื่องทั่วๆ ไปที่กล่าวมาจากด้านบนแล้วนะคะ ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ต้องมีการการันตีอย่างมีหลักฐาน และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับในหมวดของการปรับรูปหน้าของ The Clinic | TC Clinic นั้น คุณหมอบอล หรือนายแพทย์ชัชวาลย์ ก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเช่นเดียวกัน
Certificate Aesthetic Dermatology : Hands-on Botulinum Toxin A and Filler Injection
วุฒิบัตรจากงานประชุมสำหรับการฉีดโบทอกและฟิลเลอร์ ในงานประชุมแพทย์ผิวหนังและแพทย์ความงาม สำหรับคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองจากงานนี้โดยเฉพาะค่ะ
วุฒิบัตรจากงาน TACS หรืองาน Thai Association and Academy of Cosmetic Surgery and Medicine ซึ่งเป็นงานของแพทย์ความงามและศัลยแพทย์ของประเทศไทยโดยเฉพาะ งานนี้คุณหมอบอลก็ได้เข้าร่วมอีกเช่นกันค่ะ
รวมถึงวุฒิบัตรต่างๆ ที่เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความเชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า ชะลอวัยของคุณหมอบอล และทีมแพทย์จาก The Clinic | TC Clinic ที่ไม่น้อยกว่าใครแน่นอน
รวมถึงวุฒิบัตรจากสถาบันแม่ฟ้าหลวงต่างๆ มากมาย ซึ่งสถาบันแม่ฟ้าหลวงนั้นถือเป็นสถาบันการสอนแพทย์ความงามของประเทศไทย ที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยค่ะ เพราะว่าแพทย์ความงามทุกๆ ท่านจะต้องได้รับการสอนจากที่นี่ก่อนเกือบแทบจะทุกคนเลยก็ว่าได้
ติดต่อ TC Clinic สาขามีนบุรี คลิก | ติดต่อ TC Clinic สาขาโคราช คลิก | ติดต่อ TC Clinic สาขาศรีสะเกษ คลิก | ติดต่อ The Clinic สาขาอุปลีสาน+หน้า ม.อุบลฯ คลิก หรือหากต้องการกลับไปทำความรู้จัดกับ The Clinic และ TC Clinic ในหน้าแรกนั้น คลิก กลับหน้าแรก
การดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่เสมอย่อมเป็นสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจได้มากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าหมอจะสนับสนุนให้ทุกคนต้องคลั่งการทำหน้า การเข้าคลินิกเสริมความงามนะคะ เพราะว่า ความงาม ความหล่อ จริงๆ แล้วอาจจะมาจากความคิดที่รับผิดชอบ ความคิดที่เห็นอกเห็นใจ เอื้อเฟื้อคนรอบข้างเสียมากกว่าค่ะ
ตบท้ายขายของซักนิด สำหรับโปรโมชั่นปรับรูปหน้าที่ The Clinic และ TC Clinic เรามีโปรโมชั่นที่หลากหลายเลยค่ะ อาทิ
- Botox Nabota 50 ยูนิต สามารถเลือกฉีดได้ทั้งกราม ริ้วรอยตีนตา ริ้วรอยหน้าผาก จะฉีดจุดไหนก็ได้ทั้งหมด 50 ยูนิต ในราคาเพียง 2,790 บาทเท่านั้น
- HIFU ยิงแบบทั่วใบหน้า เก็บเหนียง เก็บแก้ม ยกใบหน้าได้แบบเหลือๆ ถึง 200 ช็อต ราคาเพียง 2,790 บาทเท่านั้น
- เมโสแฟต มากถึง 10 เข็ม ฉีดได้ทั้งแก้ม ทั้งเหนียง เก็บไขมันได้เหลือๆ เลยค่ะ ราคาเพียง 2,790 บาทเท่านั้น
- ไหมเงี่ยง 8D เส้นใหญ่สุด เงี่ยงรอบด้าน ยกหน้ากระชับได้เห็นผลหลังทำทันที 4 เส้น ราคาเพียง 2,790 บาทเท่านั้น
อย่ารอช้านะคะ เรื่องรูปหน้า หน้าเรียว ต้องให้ The Clinic | TC Clinic ดูแล เพราะ ที่ The Clinic และ TC Clinic จะทำให้ทุกความต้องการเป็นเรื่องง่ายค่ะ