การ ฉีดฟิลเลอร์ (Filler Injection) มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่ร่างกายมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฉีดใต้ตา ร่องแก้ม แก้มตอบ ร่องน้ำหมาก ขมับ ริมฝีปาก มุมปาก หรือคาง หลังทำแทบจะไม่มีอาการบวม และไม่ต้องพักฟื้นเลย
ฟิลเลอร์ คืออะไร ?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มที่มีความคงตัวสูง เรียกว่า ไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic หรือ HA) ซึ่งเป็นสารที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ คุณสมบัติของสารไฮยาลูโรนิกจะช่วยดูดซึมน้ำ หรืออุ้มน้ำได้ดี และจะช่วยให้ผิวเต่งตึง นุ่ม ชุ่มชื้น ส่วนใหญ่ระยะเวลาจะอยู่ได้นานประมาณ 8 ถึง 12 เดือน หรือยาวนานมากกว่านั้น
และฟิลเลอร์ส่วนใหญ่จะผสม Lidocaine หรือ ยาชา เพื่อลดอาการเจ็บ หรือไม่สบายผิวระหว่างทำและหลังการรักษา ตัวฟิลเลอร์จะสามารถดูดซึมน้ำหรืออุ้มน้ำได้ดี ซึ่งจะส่งผลให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ดูอิ่มฟูขึ้นได้มากกว่าเดิม
จุดประสงค์ส่วนใหญ่ที่คนเราต้องการอยากฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม คือ เมื่อเวลาผ่านไป อายุมากขึ้นไขมันจะเริ่มหายไป มีการยุบตัวของกระดูก และ คอลลาเจน ในร่างกายจะเริ่มสูญเสีย ซึ่งจะส่งผลให้ ใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก แก้มตอบ ขมับตอบ หรือแม้กระทั่งคนที่ต้องการอยากเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม เติมคางเพื่อให้ได้รูปมากขึ้น ฟิลเลอร์ก็สามารถช่วยได้ เมื่อเติมฟิลเลอร์เข้าไปก็จะช่วยให้บริเวณที่เติมฟิลเลอร์ดูเต็ม ริ้วรอยหรือรอยเหี่ยวย่นเล็กๆดูตื้นขึ้น รอยหมองคล้ำดูจางลง ซึ่งหลังจากที่เติมฟิลเลอร์บริเวณที่เติมจะอิ่มฟูขึ้นทันทีหลังทำประมาณ 30% และจะเห็นผลเต็มที่อยู่ที่ 1 เดือน
การ ฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
ฟิลเลอร์สามารถเช็คได้ว่าเป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งการตรวจสอบของแต่ละยี่ห้อจะแตกต่างกันออกไป ถ้าหากเป็นของแท้หลักๆ จะตรวจสอบได้โดย สแกน QR code ,ตรวจสอบเลข Lot ,เอกสารกำกับตัวยาด้านใน หรือแม้กระทั่งตัวอักษรข้างกล่อง จะเป็นการสกรีนติดกับกล่อง ไม่ใช่ติดสติกเกอร์ และจากที่กล่าวมาเบื้องต้น ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่ไม่อันตราย และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่ร่างกายคนเรามีอยู่แล้ว
แต่ต้องศึกษาหาข้อมูลดีๆ ดูความน่าเชื่อถือของคลินิก ศึกษาดูรีวิวของแต่ละคลินิก ราคาฟิลเลอร์จะต้องไม่สูงหรือต่ำจากคลินิกอื่นมากเกินไป หากเป็นฟิลเลอร์ของแท้จะสลายไปเองในระยะเวลาประมาณ 1 ปี โดยที่ไม่มีสารตกค้าง และจะถูกทดแทนเป็นคอลลาเจนและอีลาสตินที่ร่างกายสร้างขึ้นมาใหม่ ดังนั้นขั้นตอนเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษาจึงสำคัญมาก และต้องศึกษาหาข้อมูลจนเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียภายหลัง
ข้อดีของการเติมฟิลเลอร์
การเติมฟิลเลอร์มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเป็นสารที่ร่างกายมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการ ฉีดใต้ตา ร่องแก้ม แก้มตอบ ร่องน้ำหมาก ขมับ ริมฝีปาก มุมปาก หรือคาง หลังทำแทบจะไม่มีอาการบวม และไม่ต้องพักฟื้นเลย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ หรืออาจจะมีรอยช้ำจากเข็มเกิดขึ้นได้ แต่จะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ หรือสามารถแต่งหน้ากลบได้ กรณีที่เติมฟิลเลอร์คางก็จะให้ความเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมซิลิโคน แต่จะมีอายุสั้นกว่าซิลิโคน โดยฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 8 ถึง 12 เดือน แล้วแต่ยี่ห้อของฟิลเลอร์ บางยี่ห้ออยู่ได้นาน 18 ถึง 24 เดือน แต่จะมีราคาที่สูงขึ้นเช่นกัน
ฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มตรงไหนได้บ้าง ?
- ใต้ตาลึก มีสีคล้ำ การเติมฟิลเลอร์จะช่วยให้ใต้ตาดูเต็ม อิ่มฟู รอยคล้ำดูจางลง และช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กๆ
- ขมับ ช่วยให้ใบหน้าดูไม่โทรม ดูอ่อนกว่าวัย
- ร่องแก้ม ช่วยให้ใบหน้าดูเด็ก ดูสดใส ไม่โทรม
- แก้มส้ม ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย ละมุน และให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
- ปาก ช่วยให้ปากที่มีบักษณะบางดูอวบอิ่มขึ้น รูปปากไม่เป็นทรง และยังสามารถช่วยยกมุมปากให้ดูหวาน ละมุน เหมือนคนอมยิ้มตลอดเวลา
- คาง ช่วยแก้ปัญหาคางตัด คางสั้น คางบุ๋ม คางไม่เท่ากัน การเติมฟิลเลอร์จะช่วยให้คางได้รูปและทำให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
การดูแลตัวเองหลังเติมฟิลเลอร์
- งดแอลกอฮอล์ 2 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวม
- งดกด นวดคลึง บริเวณที่เติมฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนไปจากบริเวณที่ฉีด
- ดื่มน้ำเยอะๆอย่างน้อย 12 แก้วต่อวัน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารอุ้มน้ำ ตัวฟิลเลอร์จะอิ่มฟูขึ้นได้จากเดิมอีก
- งดหัตถการเกี่ยวกับความร้อนบนใบหน้า เช่น การทำ IPL, Q-switch, HIFU, อบไอน้ำ อบซาวน่า รวมถึงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น 2 สัปดาห์
อาการที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังเติมฟิลเลอร์
โดยส่วนใหญ่จะไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง แต่อาจพบผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ผิวบริเวณที่เติมฟิลเลอร์ไม่เรียบเนียน นูน หรือเป็นก้อน และรอยเขียวช้ำจากเข็ม
หรือหากกำลังมองหาสถานที่ฉีดฟิลเลอร์ที่เชื่อถือได้ แนะนำให้ลองศึกษาข้อมูลได้ตาม Link ต่างๆ ดังนี้เลยนะคะ
คลิกอ่าน >>> ฉีดฟิลเลอร์แถบมีนบุรี ควรอ่าน / คลิกอ่าน >>> ฉีดฟิลเลอร์แถบโคราช ควรอ่าน / คลิกอ่าน >>> ฉีดฟิลเลอร์แถบอุบลฯ ควรอ่าน / คลิกอ่าน >>> ฉีดฟิลเลอร์แถบศรีสะเกษ ควรอ่าน